หลายคนมีความเข้าใจผิดคิดว่าสภาพแวดล้อมที่สะอาดปราศจากเชื้อโรคทำให้เรามีสุขภาพร่างกายแข็งแรง แต่ในความเป็นจริงแล้วแบคทีเรีย จุลินทรีย์ หรือเชื้อโรคบางอย่างช่วยทำให้เรามีภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งขึ้นได้
การใช้ชีวิตอยู่ในที่ที่ปลอดเชื้ออย่างสิ้นเชิงนั้นทำให้เรามีสภาพร่างกายอ่อนแอ เพราะร่างกายของเราจะไม่สามารถปรับตัวเพื่อรับมือสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นได้ถ้ามีโอกาสได้สัมผัสกับมันในอนาคต
พ่อแม่หลายคนมีความเข้าใจผิดคิดว่าการเลี้ยงสัตว์ทำให้บ้านของเราสกปรก และอาจทำให้เด็กๆ มีสุขภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์แข็งแรงหรือมีอาการแพ้ได้ แต่ความเป็นจริงนั้นตรงกันข้ามกับสิ่งที่คิดอย่างสิ้นเชิง
การเลี้ยงสัตว์ช่วยให้เด็กๆ มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำให้เกิดจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย รวมไปถึงลดโอกาสในการเกิดโรคภูมิแพ้เพราะได้สัมผัสกับสัตว์เลี้ยงจนร่างกายมีความคุ้นชิน เพราะโรคภูมิแพ้เกิดจากการที่ร่างกายของเราตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอมอย่างรุนแรงเกินความจำเป็น ทำให้เด็กๆ ที่เติบโตมากับสัตว์เลี้ยงนั้นมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้โดยเฉพาะแพ้ขนสัตว์น้อยกว่าเด็กที่ไม่เคยใกล้ชิดกับสัตว์เลย
นอกจากการเลี้ยงสัตว์จะทำให้เด็กๆ มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงเพราะสามารถปรับตัวเข้ากับแบคทีเรียหรือจุลินทรีย์ต่างๆ ได้ดีกว่าแล้ว การเลี้ยงสัตว์ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการออกกำลังกาย เพียงแค่เราได้เล่นกับสุนัขหรือแมวก็ทำให้เราได้เคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้นแล้ว หรือยิ่งพาออกไปเดินเล่นก็ยิ่งได้ออกกำลังกายมากขึ้นไปอีก
การเลี้ยงสัตว์ยังช่วยลดคอร์ติซอลหรือฮอร์โมนแห่งความเครียดในร่างกาย เพราะการเลี้ยงสัตว์ทำให้เรารู้สึกสงบ ผ่อนคลาย และมีจิตใจที่ร่าเริงแจ่มใส จึงส่งผลดีต่อทั้งสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจของเราด้วย
การใช้เวลาร่วมกับสัตว์เลี้ยงยังเป็นการพัฒนาทักษะในการเข้าสังคม โดยเฉพาะในเด็กที่มีอาการของโรคออทิซึม นอกจากนี้การเลี้ยงสัตว์ยังเป็นการสอนให้เด็กๆ มีความรับผิดชอบ มีความอดทน มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และมีเมตตา การเลี้ยงสัตว์จึงไม่ได้มีประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการใช้ชีวิตด้วย
ที่มา: brightside